
ปลากะตัก เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปลากะตัก และประโยชน์ของปลากะตัก
ปลากะตัก หรือ ปลาไส้ตัน เป็นปลาทะเลขนาดเล็กสกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Stolephorus จัดอยู่ในวงศ์ปลาแมว (Engraulidae) ซึ่งมีชื่อเรียกหลากหลายแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น ได้แก่ ปลาใส้ตัน ปลาหัวอ่อน ปลาจิ้งจั้ง ปลามะลิ ปลาข้าวสาร และปลายิ่วเกี๊ยะ เป็นต้น ปลากะตักเป็นสัตว์น้ำเค็ม มีถิ่นกำเนิดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ
จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในอาหารท้องถิ่น เช่นเดียวกับปลาเฮอริ่ง ปลากะตักกินแพลงก์ตอนและปลาที่เพิ่งฟักออกมาเป็นอาหาร ในทางกลับกันปลากะตักจะถูกปลาชนิดอื่นกิน รวมทั้งปลาฉลาม แมวน้ำ สิงโตทะเล โลมา วาฬ และปลาแซลมอน และพวกมันมักรวมกลุ่มกันเป็นฝูง อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำกร่อยโดยอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 0.5-1.5 ไมล์ทะเล
ลักษณะโดยทั่วไปของปลากะตัก
เมื่อพูดถึงรูปลักษณ์ ปลากะตักจะมีลักษณะคล้ายกับปลาเฮอริ่งและปลาซาร์ดีน เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลใหญ่ของปลากว่า 140 ชนิดย่อย ที่สามารถพบได้ทั่วโลก ปลากะตักเป็นปลาขนาดเล็ก เรียวยาว มีจะงอยปากยื่นยาวเลยขากรรไกรล่าง ปลายขากรรไกรปากยาวเลยตา มีฟันขนาดเล็ก ตาโต มีเหยื่อไขมันปกคลุม เส้นข้างเป็นเส้นตรง มีเกล็ดขนาดเล็ก ด้านหลังสีเขียวเข้ม ด้านข้างสีเงิน มีแถบสีน้ำเงินอยู่แต่ละด้าน
การกระจายพันธุ์
สายพันธุ์หลักของปลากะตักที่พบได้ทั่วสหราชอาณาจักรและส่วนอื่นๆ ของยุโรป มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางทั่วมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและทะเลเหนือ และยังมีขอบเขตขยายไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำด้วย แต่ปลากะตักยุโรปก็พบได้ทั่วไปตามชายฝั่งของแอฟริกา และสามารถพบได้ไปจนถึงแหลมกู๊ดโฮปทางตอนใต้สุดของแอฟริกาใต้ ปลากะตักยุโรปไม่มีอยู่ในน่านน้ำนอร์ดิกที่เย็นกว่าของไอซ์แลนด์และฟินแลนด์ และไม่พบในทะเลบอลติกหรือในทะเลเรนท์ บริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออกบริเวณแนวชายฝั่งของอ่าวไทย ฝั่งตะวันตกจรดชายแดนประเทศ มาเลเซีย ปลากะตักมีชุกชุมหนาแน่นบริเวณเกาะช้าง เกาะกูด จังหวัดตราด บริเวณอ่าวมะขามป้อมถึงหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง ช่องแสมสาร จังหวัดชลบุรีบริเวณเขตชายฝั่งน่านน้ำ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดชุมพร บริเวณอ่าวบ้านดอน รอบ ๆ เกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
วงจรชีวิตของปลากะตัก
ปลากะตักยุโรป อาศัยอยู่ในสันดอนขนาดใหญ่ และกินสิ่งมีชีวิตแพลงก์ตอนขนาดเล็กเป็นอาหาร พวกมันอาศัยอยู่ในทะเลน้ำตื้นและมักจะอยู่ใกล้ชายฝั่ง และสามารถทนน้ำที่มีความเค็มต่ำมากได้ และเป็นที่รู้กันว่าว่ายไปตามแม่น้ำและปากแม่น้ำ และยังพบในทะเลสาบและทะเลสาบน้ำเค็มที่เชื่อมต่อกับทะเลอีกด้วย ปลากระตักมีการแพร่พันธุ์และกระจายอยู่ตามหมู่เกาะ ฮาวาย ญี่ปุ่น ตาฮิติ ออสเตรเลีย ปาปัวกินิ รวมไปถึงตามเกาะต่างๆในกลุ่มประเทศอาเซียน

ปลากะตักที่พบในทะเลอ่าวไทย
- ปลากะตักหัวแหลม (Encrasicholina heteroloba)
- ปลากะตักหัวอ่อน (Encrasicholina punctifer)
- ปลากะตักแถบเหลือง (Encrasicholina devisi)
- ปลากะตักควาย (Stolephorus commersonnii)
- ปลากะตักหนาม (Stolephorus chinensis)
- ปลากะตักสายไหม (Stolephorus multifasciatus)
- ปลากะตักมะลิ (Stolephorus commersonii)
- ปลากะตักจิ้งจั้ง (Stolephorus indicus)
- ปลากะตักยิ่วเกี๊ยะ (Stolephorus bauchotaeniatus)
ปลากะตักเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย นิยมนำมาบริโภคทั้งสดและแปรรูปเป็นอาหารทะเลแปรรูปต่างๆ เช่น ปลากะตักแห้ง ปลากะตักทอดกรอบ เป็นต้น
ประโยชน์ด้านสุขภาพ
ปลากะตักมีวิตามินและแร่ธาตุมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งส่งเสริมสุขภาพสมองและหัวใจ ปลากะตักยังมีซีลีเนียม ซึ่งหากรับประทานเป็นประจำอาจลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิดได้

สุขภาพหัวใจ ปลากะตักอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อหัวใจ ผลการศึกษาพบว่าอาจลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ชะลอการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือดแดง และลดความดันโลหิต นอกจากนี้ยังอาจลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองด้วยการลดการแข็งตัวของเลือด

การป้องกันต่อมไทรอยด์ ปลากะตักหนึ่งหน่วยบริโภคมีซีลีเนียม 31 ไมโครกรัม วัยรุ่นและผู้ใหญ่ควรที่จะได้รับซีลีเนียม 55 ไมโครกรัมต่อวัน การศึกษาในช่วงทศวรรษ 1990 เห็นได้ว่าซีลีเนียมเป็นส่วนหนึ่งของเอนไซม์ ที่สามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้ การวิจัยเพิ่มเติมชี้ให้เห็นว่าการขาดซีลีเนียมอาจทำให้เกิดปัญหาต่อมไทรอยด์

สุขภาพสายตา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ชายได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 1.6 กรัมต่อวัน ในขณะที่ผู้หญิงควรได้รับ 1.1 กรัมต่อวัน ปลากะตักหนึ่งหน่วยบริโภคมีโอเมก้า 3 ที่เรียกว่ากรดไอโคซาเพนตะอีโนอิก ( EPA ) 0.45 กรัม และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก ( DHA ) 0.77 กรัม การศึกษาแนะนำว่าอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 เหล่านี้สามารถลดโอกาสการเกิดจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งสามารถสร้างการมองเห็นได้

การป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ในการศึกษาของ Harvard Medical School นักวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานกรดไขมันโอเมก้า 3 มากที่สุด จะมีโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ ในระดับต่ำกว่า ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ของโรคอัลไซเมอร์
โภชนาการ
ปลากะตักเต็มไปด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในร่างกายของคุณเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ สร้างมวลกล้ามเนื้อ และเพิ่มการเผาผลาญ และยังเป็นแหล่งอาหารชั้นเยี่ยมของ
- กรดไขมันโอเมก้า-3
- ไนอาซิน
- วิตามินบี 12
- แคลเซียม
- ซีลีเนียม
- โพแทสเซียม
- วิตามินเอ
สารอาหารต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ปลากะตักขนาด 3 ออนซ์ประกอบด้วย
- แคลอรี่ : 111 กรัม
- โปรตีน : 17 กรัม
- ไขมัน : 4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต : 0 กรัม
- ไฟเบอร์ : 0 กรัม
- น้ำตาล : 0 กรัม
เนื่องจากปลากะตักถูกจับมาอย่างหนักมานานหลายศตวรรษ ปลาบางส่วนจึงมีความเสี่ยง ด้วยการมาถึงของการประมงอวนลากเชิงพาณิชย์ นักวิทยาศาสตร์เริ่มตระหนักว่าปลากะตักเผชิญกับวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม และแนะนำให้มีการควบคุมการตกปลา ปลากะตักก่อนที่จะสายเกินไป เป็นผลให้หลายประเทศเริ่มควบคุมการจับปลากะตักอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
บทความเพิ่มเติม : aquaticworld.info
เรื่องน่ารู้ : ปลาดาว